วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อันตรายจากเตาไมโครเวฟ!

 เตาอบไมโครเวฟ นับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าคู่บ้านสำหรับยุคนี้ไปซะแล้ว จริงๆ แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับเจ้าเตานี้ออกมาเตือนผู้ใช้กันมาพอสมควร แต่บางคนก็ยังเลิกใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยความเสียดายที่อุตส่าห์ซื้อมาแล้ว หรือว่าเป็นเพราะความสะดวกสบายเคยชินก็แล้วแต่ที่ยังใช้กันอยู่ ก็ต้องใช้กันให้ระวังหน่อยนะคะ 

เตาอบไมโครเวฟ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ 1260 MHz จะเกิดการเหนี่ยวนำโมเลกุลของน้ำ เกิดความร้อนคลื่นที่ออกมาถือว่าเป็นรังสีชนิดที่ไม่แตกตัวเป็นอนุภาค ไม่มีผลให้โมเลกุลของสารเปลี่ยน และไม่มีผลตกค้างในอาหารที่นำมาอุ่นเพราะฉะนั้นก็ถือได้ว่าเตาอบไมโครเวฟนั้นไม่มีอันตรายอะไร และไม่มีหลักฐานว่า อาหารที่เข้าเตาอบไมโครเวฟทำให้เกิดมะเร็ง ยกเว้นว่าอุ่นจนไหม้ สารก่อมะเร็งอาจจะเกิดจากสารไฮโรคาร์บอนที่ไหม้มากกว่าไมโครเวฟ

เตาอบไมโครเวฟที่ดีไม่ควรมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารั่วออกมาจากเตาอบ แต่เตาอบที่เก่าๆ อาจจะมีรั่วออกมา ได้บ้าง ถ้าเราไม่เข้าไปใกล้ๆ หรือไม่เอาหน้าไปจ่อเพื่อดูอาหารที่อุ่นก็ไม่มีอันตรายอะไรครัอันตรายที่พบจากคลื่นที่รั่วออกมาก็คือ ถ้าโดนที่ตาเรามากๆ และนานพอจะทำให้เลนส์ตาขุ่น เกิดต้อกระจกได้ เพราะว่าในเลนส์ตามีน้ำเป็นองค์ประกอบมาก

อันตราย!! ห้ามต้มน้ำดื่มโดยใช้เตาไมโครเวฟ

ชายหนุ่มอายุ 26 ปีนายหนึ่ง อยากจะได้กาแฟร้อนสักแก้ว เขาจึงนำน้ำ 1 ถ้วยเข้าไปต้มให้ร้อนในเตาไมโครเวฟ ไม่ทราบว่าเขาตั้งเวลานานเท่าใด แต่เขาบอกว่าเขาต้องการต้มนำให้เดือด เมื่อครบเวลาที่ตั้งเขาก็นำถ้วยออกจากเตาไมโครเวฟ เขามองดูน้ำในถ้วยไม่เห็นมีลักษณะว่าเดือด แต่ทันใดนั้นเองน้ำในแก้วก็ทะลักใส่หน้าเขาโดยที่ถ้วยแก้วไม่เป็นอะไรเลย ก่อนที่เขาจะขว้างถ้วยทิ้ง แต่น้ำในถ้วยทั้งหมดกลับสาดใส่หน้าเขาด้วยแรงจากพลังงานสะสม ทั้งใบหน้าของชายหนุ่มเกิดแผลพุพอง และมีรอยไหม้ในระดับ 1 และ 2 และอาจกลายเป็นรอยแผลเป็น อีกทั้งดวงตาซ้ายอาจจะสูญเสียการมองเห็นบางส่วน

แพทย์ที่รักษาให้ความเห็นว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดได้ตามปกติ และแนะนำว่า ต้องไม่อุ่นหรือต้มน้ำเปล่าในเตาไมโครเวฟเด็ดขาด แต่หากต้องการทำก็จะต้องเอาไม้คน หรือ ถุงชา ฯลฯ ใส่ลงในถ้วยก่อนนำถ้วยน้ำเข้าไปในเตาไมโครเวฟด้วย เพื่อช่วยซับพลังงานสะสมที่เกิดขึ้น แต่วิธีที่ปลอดภัยที่สุด ควรต้มน้ำในกาต้มน้ำเท่านั้น

บริษัท General Electric’s (GE) ได้ตอบข้อสงสัยนี้ว่า

น้ำหรือของเหลวที่ทำให้ร้อนด้วยเตาไมโครเวฟ จะไม่เห็นการเดือดปุดปุดเลย แม้ว่าจะร้อนจนถึงจุดเดือด แต่ทันทีที่นำออกจากเตา หรือใส่ช้อน ชา หรือถุงชา หรืออื่นๆ ลงในแก้ว น้ำหรือของเหลวที่ร้อนนั้น จะกลับเดือดปุดปุด ล้นทะลักออกนอกแก้ว

เพื่อป้องกันเหตุร้ายและการบาดเจ็บ อย่าต้มของเหลวในไมโครเวฟนานเกิน 2 นาที่ต่อแก้ว และหลังจากต้มในเตาไมโครเวฟแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้ในเตานาน 30 วินาทีก่อนนำออกมา หรือ ก่อนใส่ควรเติมอะไรลงไปในถ้วยนั้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้

ที่มา :

• การต้มน้ำหรือชงกาแฟในไมโครเวฟ
            น้ำที่ต้มในไมโครเวฟบางครั้งอาจระเบิดได้ เพราะ น้ำจะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดของน้ำปกติ (superheated water) ปกติเวลาน้ำเดือดเราจะเห็นฟองอากาศลอยผุดขึ้นผิวน้ำ ฟองอากาศนี้ช่วยลดอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ที่จุดเดือดปกติ ถ้าไม่มีฟองอากาศอุณหภูมิของน้ำอาจสูงกว่าจุดเดือดมากจนทำให้เกิดน้ำระเบิดได้
           แต่ถ้าไม่มีการระเบิดในเตาไมโครเวฟ การนำน้ำที่ต้มด้วยเตาไมโครเวฟออกมาชงกาแฟเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดปกติ เปรียบเสมือนระเบิดเวลา เพราะน้ำที่เดือดแล้วควรจะกลายเป็นไอแต่กลับคงอยู่ในสถานะของเหลว การใส่กาแฟ หรือน้ำตาล หรือแม้กระทั่งถุงชาลงไป จะรบกวนระบบทำให้น้ำกลายเป็นไอและขยายปริมาตรอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นระเบิดน้ำเดือดขนาดย่อม ๆ ซึ่งอาจร้ายแรงมาก
           นอกจากนี้การระเบิดขณะต้มเส้นสปาเกตตี้ ต้มไข่ และการระเบิดของไข่แดงขณะที่ทำไข่ดาว ก็สามารถอธิบายได้ในทำนองเดียวกัน 



 โปรดใช้วิจารณาณในการรับข้อมูล





ไม่มีความคิดเห็น: